เรื่องเล่าจากสนามแข่ง
Start to Finish
ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย (5)
จังหวัดสุโขทัยเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงทางด้านโบราณวัตถุและวัฒนธรรมต่างๆ เนื่องจากเป็นเมืองเก่าที่เคยรุ่งเรืองมาครั้งในอดีต อำเภอศรีสัชนาลัย เป็นอำเภอที่อยู่ไกลออกไปจากจังหวัดประมาณ 70 – 80 กิโลเมตร ผู้เขียนขับรถออกจากบ้านจังหวัดชลบุรีในวันที่ 9 มีนาคม 2555 คราวนี้มีภรรยา เดินทางไปเป็นเพื่อนด้วย ขับรถไปตามเส้นทาง “มอเตอร์เวย์ สายเลข 7 ไปตามถนนเอเชีย 1 ผ่านจังหวัด อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครสวรรค์ เลี้ยวซ้ายไปผ่านจังหวัดพิจิตร ตรงไปผ่านสุโขทัย และเลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอศรีสัชนาลัย
ถนนมุ่งสู่อำเภอศรีสัชนาลัย เป็นถนนเลนเดียวกว้างพอสมควร (น้อยกว่า 8 เมตร) รถวิ่งสวนกันไปมาทำให้ผู้เขียนต้องใช้ความระมัดระมากในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น (ภรรยาเตือน) โดยการชะลอความเร็วลงเหลือแค่ 80 – 90 กิโลเมตร/ชม. ประกอบกับมีการเผาตอข้าวตามท้องนาหลังการเก็บเกี่ยวแล้วทำให้มีมลภาวะในเรื่องของควันไฟตลอดทาง วิสัยทัศน์ในการมองเห็นเส้นทางจึงน้อยลงยิ่งต้องระวังมากขึ้น ขณะที่ตั้งสมาธิในการขับขี่รถเปอร์โย 405 GRI อยู่นั้นก็มีรถโฟวีลฟอร์ดสีดำวิ่งแซงขึ้นไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง ไปชนท้ายรถเก๋งที่ขับอยู่ข้างหน้าห่างจากรถผู้
เขียนประมาณ 100 เมตร ทำให้รถเก๋งคันดังกล่าวเสียหลักหมุนกลับอยู่ข้างหน้าผู้เขียน คนขับรถเก๋งพยายามบังคับรถทำให้รถเก๋งพุ่งตกล่องน้ำข้างทางที่อยู่ด้านขวามือของถนน หน้าบ้านคนพอดี ข้าพเจ้าเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จึงชะลอรถบอกเด็กหนุ่มที่ขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ด้านซ้ายของถนนว่า “รถรถเก๋งตกถนนอยู่ห่างจากนี่ประมาณ 100 เมตร ให้แจ้งอาสาสมัครหมู่บ้านให้ไปช่วยด้วย” ส่วนเจ้ารถฟอร์ด สีดำเจ้าปัญหาขับหนีไปข้างหน้าผู้เขียนให้ภรรยาจดเลขทะเบียนรถเอาไว้ แล้วโทรแจ้งตำรวจ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ข้าพเจ้าเห็นเจ้ารถฟอร์ดคันดังกล่าวจอดสงบนิ่งอยู่ข้างทางตรงร้านขายของริมถนน (คงคิดได้ไม่หนี) ข้าพเจ้าให้ภรรยาโทรไปบอกตำรวจเรียบร้อยขณะขับรถใกล้จะถึงอำเภอศรีสัชนาลัย ซึ่งจะมีรถบรรทุกสิบล้อบรรทุกอ้อยวิ่งสวนทางมาเป็นระยะ บางคันบรรทุกเกินจนน่าเกลียด(ทำให้ถนนพัง) ในที่สุดก็ขับไปถึงสนามแข่งขันบริเวณบึงศรีวิชัยอยู่หน้าอนุสาวรีย์พระยาศรีวิชัย นั่นเอง
เมื่อจอดรถเสร็จก็รีบนำเจ้า Wheeler Team Edition เจ้าเสือเหลืองคู่กายออกจากรถมาประกอบ เพื่อไปขี่สำรวจสนามแข่ง ซึ่งเป็นสนามที่ผู้เขียนมาแข่งเป็นครั้งแรก จากบริเวณเส้นเริ่มต้นขี่วนซ้ายออกไปเจอถนนลาดยางตรงไปประมาณ 800 เมตร เลี้ยวซ้ายขี่ขึ้นเขาทางชัน 2 ขยัก ขึ้นไปจนสุดเขาเลี้ยวซ้ายลงทาง “ซิงเกิลแทรก” ที่เต็มไปด้วยก้อนหินผสมฝุ่นระยะทางลงประมาณ 60 – 70 เมตร เลี้ยวขวาออกไปตัดเส้นทางดาวฮิลล์ นิดหนึ่งแล้วเลี้ยวซ้ายลงเนินเขาเข้าเส้นทางวซิงเกิลแทรกทางขวามือ คราวนี้ต้องใช้แรงขี่ขึ้นเนินเขาไปตามเส้นทางซิงเกิลแทรก ขึ้นๆลงๆสลับกันไปตลอดจนลงเขามาโผล่ทางลูกรังกว้างใหญ่(ใครไม่สังเกตจะหลง)เลี้ยวขวาอีกครั้งช่วงนี้ทำความเร็วได้ประมาณ 300 เมตรขึ้นถนนลูกรังอีกครั้งสั้นๆเลี้ยวซ้ายขี่ผ่านสวนมะม่วง มุ่งตรงไปที่เขาข้างหน้าขึ้นๆลงๆ ข้างเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะออกมาขี่บนทางลูกรังกว้าง เลี้ยวซ้าย – ขวา เลาะไปตามเส้นทางผ่านมาขึ้นทางลูกรังขอบอ่างเก็บน้ำ ประมาณ 1กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายและขวาผ่านทางท้องนาสะเทือนเข้าสนาม “บี เอ็ม เอ๊ก” ลูกระนาดขวา – ซ้าย ขึ้นทางลูกรังขอบอ่างเก็บน้ำอีกครั้งตรงไปผ่านเส้นชัย ระยะทางรวมแล้วประมาณ 4.5 – 5 กิโลเมตร
หลังจากสำรวจเส้นทางเสร็จผู้เขียนก็ขี่กลับมาที่รถ ภรรยาเอาน้ำผลไม้เย็นๆให้ดื่มรู้สึกสดชื่นหายเหนื่อยขึ้นมาทันที่ จากนั้นก็จัดแจงเก็บรถเสือภูเขาคู่กายเข้าท้ายรถและเดินทางไปที่พักซึ่งเป็น “รีสอร์ท”ที่จองเอาไว้แล้ว ปรากฏว่ามีนักจักรยานเสือภูเขามาพักกันเต็มทุกห้องโชคดีที่ผู้เขียนจองห้องพักมาก่อนล่วงหน้าทำให้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาที่พักให้เหนื่อย......
อำเภอศรีสัชนาลัยเป็นอำเภอเล็กๆ วิถีชีวิตของคนที่นี่ดูเงียบสงบไม่มีรถพลุกพล่านเหมือนอำเภอใหญ่ๆ แต่ก็มีร้านค้าและเซเว่น(ร้านสะดวกซื้อ)ให้ได้ซื้อหาของที่จำเป็นต้องบริโภคเช่น น้ำแข็ง อาหารกระป๋อง ฯลฯ ผู้เขียนได้ของตามต้องการแล้วก็ชวนภรรยากลับมาที่พักถึงเวลาอาหารเย็นพอดี คุณตู่ภรรยาทำพาสต้าให้ทาน(ปกติผู้เขียนจะทำพาสต้าทานเองเวลาไปแข่ง) เพื่อเป็นการเพิ่มคาร์โบไฮเดรตโหลดดิ้งให้กับร่างกาย โดยเฉพาะในกล้ามเนื้อและตับจะเก็บคาร์โบฯไว้ในรูปของไกลโคเจน เพื่อเตรียมพลังงานเอาไว้ใช้ในวันแข่งขันรุ่งขึ้น สนามนี้เป็นสนามที่ต้องใช้กำลังมากโดยเฉพาะต้องตะกายขี่ขึ้นเขาให้เร็วที่สุดเพื่อหนีคู่แข่งขัน(สมยศ) ให้ไกลที่สุด
หลังจากที่เข้าที่พักเรียบร้อยแล้วผู้เขียนได้นำจักรยานออกมาสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง เชคดูทุกๆอย่างตั้งแต่ยาง โช๊ค โซ่ และเฟือง เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในวันแข่งขัน สุดท้ายก็ทำความสะอาดเช็ดรถจักรยาน WHEELER LEMETED เจ้าเสือเหลืองคู่ใจที่เคยเอาชนะคุณสมยศมาแล้วถึงสองสนาม สนามนี้จึงเป็นการชี้ขาดว่าผู้เขียนจะสามารถเอาชนะเขาได้อีกหรือเปล่า?
วันรุ่งขึ้น(10 มี.ค.) หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จก็ขับรถออกไปที่สนามแข่งอีกครั้ง เพื่อทำการสำรวจสนามเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเก็บรายละเอียดของสนามให้มากที่สุดนำเอามาวางแผนการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การฝึกซ้อมและแข่งขันของตนเอง เช่น การเลือกยุทธวิธีในการ ขี่หนีคู่แข่ง เวลา และโอกาสที่เหมาะสม การอยู่ตำแหน่งที่ได้เปรียบ เป็นต้น
หลังจากสำรวจเส้นทางสนามแข่งจนสามารถจดจำได้แล้วก็รีบขับรถกลับที่พัก ซึ่งถนนที่ขับผ่านกำลังแข่งขันจักรยานเสือหมอบประเภทถนนกันอยู่ต้องจดรถข้างทางให้ขบวนแข่งขี่ผ่านไปก่อนจึงขับรถกลับได้อย่างสะดวก พอถึงที่พักก็รีบประกอบรถจักรยานเสือภูเขาคู่กายและทำความสะอาดเช็ดจนเรียบร้อย จึงอาบน้ำและพักผ่อนนอนดูทีวีของที่พักจนหลับไป
เช้าวันอาทิตย์เป็นวันที่แข่งขันผู้เขียนตื่นแต่เช้าจัดแจ้งเตรียมเติมพลังจาก “พาสต้า”ร้อนๆที่คุณ “ตู่”เตรียมทำไว้ให้ “ผู้เขียนจะเตรียมอาหารที่ว่านี้ไปทุกสนามแข่งขันเพื่อให้มั่นใจว่าเราไม่มีโอกาสท้องเสียเนื่องจากการรับประทานอาหาร” เหตุผลเพราะ ในขณะฝึกซ้อมก็ฝึกรับประทานอาหารที่ว่านี้มาก่อนแล้ว อากาศวันนี้ท้องฟ้าโปร่งดีไม่เหมือนวันแรกที่มาถึงท้องฟ้ามีหมอกควันค่อนข้างมาก ผู้เขียนขับรถมาถึงสนามแข่งตั้งแต่เช้า หาที่จอดรถได้ที่ใต้ต้นปามล์ ก็รีบจัดแจงเอารถจักรยานคู่กายออกมาประกอบ เป็นรถเสือภูเขาสีเหลืองทองคาร์บอล Wheeler Team Eadition’2012 ผู้เขียนใช้แข่งสนามที่ 3 และ4 ได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่ง (คุณสมยศ) มาแล้ว สนามนี้ทำให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น เริ่มการแข่งขันจากประเภท B ก่อนซึ่งเป็นรุ่นมือใหม่มีมากมายหลายระดับตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ รุ่นสายท้าย อายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนประเภท A ที่ผู้เขียนลงแข่งขันมาสิ้นสุดที่รุ่น 50 ปีขึ้นไปซึ่งเป็นรุ่นที่ผู้เขียนลงแข่งขันจะเริ่มแข่งขันในเวลา 10.00 น. ฉะนั้นจึงมีเวลาเตรียมตัวค่อนข้างนาน ผู้เขียนจึงไปเดินดูเต็นท์ขายของอะไหล่จักรยานและได้ซื้อโครงกระติกน้ำใหม่สีดำเนื่องจากโครงกระติกเก่ามันไม่แน่น เมื่อวานนี้ขณะขี่สำรวจเส้นทางกระติกตกหายต้องขี่วนกลับไปหาอยู่นาน ผู้เขียนจึงตัดสินใจซื้อของใหม่เพื่อความแน่ใจว่าขณะแข่งขันกระติกน้ำกินจะไม่หล่นหายอีก
10.00 น. เวลาที่รอคอยก็มาถึงผู้เขียนและคู่แข่งพร้อมที่เส้นเริ่มต้น กรรมการนับ 5 4 3 2 1 ไป ผู้เขียนกระชากออกนำไปก่อนเพื่อเป็นสิริมงคล ตามด้วย “สมยศ” คู่แข่งจากภูเกต แดนใต้ เลี้ยวซ้ายออกถนนลาดยาง “เฟสดริก” นักปั่นขาแรงชาว “ออสเตรีย” เร่งความเร็วขึ้นนำทันทีผู้เขียนไม่รอช้าเร่งเจ้า Wheeler เสือเหลือง(สีแห่งชัย) ไล่จี้ติดตามไปทันที ระยะประมาณ 800 – 900 เมตรก็เลี้ยวซ้ายเข้าทางลาดปูนขึ้นวัด... ตอนนี้กลุ่มหน้ามี 3 คน คือเฟสดริก ผู้เขียน และสมยศ ไล่บี้กันมา เส้นทางเริ่มชันมากขึ้นเพราะเริ่มขึ้นเขา ผู้เขียนสปริ้นท์หนีขึ้นเขาเสียเลยด้วยจานใหญ่(42ฟัน) ทำเอา”เฟสดริกผู้ขี่นำหน้า และสมยศ ผู้ขี่จี้ผู้เขียนอยู่ข้างหลัง หลุด ผู้เขียนเหลือบมองดูว่าเป็นอย่างไรเมื่อห็นดังนั้นจึงรีบเร่งความเร็วโยกขึ้นเขาหนีไปต่อหน้าต่อตา โดยมี “สมยศ” ขี่ไล่มาไม่ห่างเป็นที่ 2 ผู้เขียนเมื่อแยกตัวออกมาได้ก็ปั๊มกำลังเต็มสูบขี่อัดขึ้นเขาลูกที่สองที่สูงสุดขึ้นสู่ยอดเขา เหลือบไปมองคู่แข่งข้างหลังอีกครั้ง นำออกมาห่างทำให้มีแรงปั่นขึ้นเขาไปอย่างรวดเร็ว คราวนี้ต้องขี่ลงเขาทางซิงเกิลแทรก ซึ่งเป็นฝุ่นดินละเอียดมีหินซ้อนอยู่ใต้ทำให้ไม่ง่ายต่อการขี่ลงมาด้วยความเร็ว ก่อนจะสุดเส้นทางลงเขาเผลอเหลือบไปมองข้างหลัง “โครม” ผมล้มครับ แต่ก้เอาตัวรอดขี่ลงมาได้ รีบเปลี่ยนเกียร์หนักอัดลงทางลาดไหล่เขาไปเข้าทางซิงเกิลแทรกป่ายูคา เลี้ยวขวาขี่เลาะขึ้นเขาไปตามเส้นทางซิงเกิลแทรกที่กำหนด(กินแรงเอาการ) ขึ้นๆลงผ่านต้นมะม่วงเล็กๆ “โครม” ผมล้มอีกครั้งเป็นเพราะผมจับแฮนด์มือเดียวขณะที่ยกกระติกดื่มน้ำแก้กระหาย เนื่องจากล้อหน้าไปเหยียบก้อนหินเข้าพอดีทำให้ล้อหน้าลอยก็ล้มอย่างที่ว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” ผมบอกตนเองอย่างนั้น ขณะที่ยังนำหน้าคู่แข่ง “สมยศ” อยู่ เส้นทางเริ่มปั่นง่ายขึ้นเมื่อมาขึ้นสันอ่างเก็บน้ำพระยาลิไทซึ่งเป็นทางลูกรังเรียบ ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายและขวาเข้าสนามโมโตครอส ขี่ขึ้นๆลงๆลูกระนาดโดยมีคุณ “ระพีพรรณ”ภรรยาของผู้เขียนยืนเชียร์อยู่ใกล้ๆ “พ่อเร็วทิ้งให้ขาดเขาไล่มาไม่ห่าง” ทำให้ผู้เขียนต้องเร่งความเร็วขี่ไปขึ้นถนนขอบอ่างเก็บน้ำข้างหน้าตรงไปก่อนผ่านเส้นเริ่มต้น “น้องมิ้นท์” ลูกสาวก็ร้องเชียร์ว่า “พ่อ พ่อ หนีให้ขาดไปเลย” ทำให้ผู้เขียนตั้งใจมากขึ้น และยังรักษาระยะทิ้งห่าง “สมยศ” เอาไว้ประมาณ 800 – 900 เมตร เลี้ยวซ้ายออกถนนลาดยางอีกครั้ง อีก 500 เมตรก็เลี้ยวซ้ายขึ้นเขาอีกครั้ง คราวนี้ผู้เขียนเหลียวมองข้างหลังอีกครั้งเพราะขี่อยู่บนเขาแล้วไม่เห็นแม้แต่เงาของสมยศ ทำให้สบายใจในการขี่มากขึ้น(ไม่เครียด) จึงตั้งสมาธิในการขี่รักษารอบขาและการใช้กำลังอย่างสัมพันธ์กัน บนยอดเขามีกองเชียร์ เช่น อรุณ จากเสือบ้าเพ ระยอง และคนอื่นๆร้องเชียร์ว่า “เร็วๆอาจารย์เร็ว สุดยอด สุดยอด” ผู้เขียนอยากจะพูดตอบว่า “ขอบคุณ” แต่ความเหนื่อยมันมากเหลือเกินจนไม่สามารถพูดออกมาได้เพราะปากที่จะพูดต้องใช้หายใจไปพร้อมๆกับจมูกถึงจะมีออกซิเจนเพียงพอต่อการเผาผลาญพลังงานในการปั่นจักรยานขึ้นเขามาด้วยความเร็ว(เร็วกว่าขี่เล่น)จนถึงยอดเขาซึ่งกองเชียร์ยืนอยู่บริเวณนั้นกันเต็ม(ในใจผมต้องขอบคุณทุกๆคนครับ)
ในรอบแรกผมขี่ล้มตอนขี่ลงเขาซิงเกิลแทรกมาแล้วรอบที่ 2เลยระมัดระวังให้มากขึ้นทำให้การขี่ลงเขาคล่องตัวมากขึ้น หลังจากขี่ลงเขามาได้ก็ระเบิดพลังซัดลงเขาไปอย่างรวดเร็วเข้าป่ายูคาซิงเกิลแทรก ผู้เขียนขี่ไล่ไปทันเสือลำบากจากรุ่นที่ปล่อยไปก่อนหน้านั้นอยู่หลายคน รอบนี้ขี่สบายควบคุมความเร็วได้ดั่งใจ โดยเฉพาะช่วงที่ต้องทำความเร็วทำความเร็วได้มากยิ่งขึ้น กลับเข้ามาขี่ผ่านทาง “โมโตครอส” อีกครั้ง คุณระพีพรรณบอกว่า “ห่าง ห่าง แล้ว” ทำให้มีกำลังใจปั่นให้เร็วขึ้น วกกลับมาผ่านเส้นชัยอีกครั้งเสียงระฆังดัง “เกร็งๆ”เป็นสัญญาณบอกว่ารอบสุดท้ายแล้ว(รอบที่ 3) ผู้เขียนตะกายขึ้นเขาของวัดที่สูงที่สุดด้วยจานใหญ่ 42 x 36 ก็ยังขี่ขึ้นได้ “แฟนคลับที่เป็นกองเชียร์ที่อยู่บนยอดเขา “อาจารย์ อาจารย์ ยังสุดยอดเหมือนเดิมนะครับ ขอบคุณครับ” คราวนี้ผู้เขียนร้องตอบออกไปได้เนื่องจากทิ้งคู่แข่งขันไม่เห็นหลังกันแล้ว จึงขี่เขาทางซิงเกิลแทรกด้วยความสะบายใจและรวดเร็วยิ่งขึ้น สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนระมัดระวังมากในรอบสุดท้ายก็คือไม่ให้รถเป็นอะไร เช่น ยางแตก โซ่ขาด เป็นต้น จึงพยายามประคองการขี่จักรยานWheeler สีเหลืองทองสีแห่งชัยขี่เข้าเส้นชัยไปด้วยความปลื้มปิติยินดี สิ้นสุดการแข่งขันด้วยชัยชนะตกเป็นของผู้เขียนอีกครั้งเป็นชัยชนะ 3 สนามติดต่อกัน ทำให้มีคะแนนสะสมนำ “สมยศ” อยู่ 4 คะแนน สำหรับบันทึกของคนชอบปั่นก็ขอเพียงเท่านี้เอาไว้สนามสุดท้าย(วัดเขาโบสถ์ จ.ระยอง) จะเขียนมาเล่าให้ฟังใหม่ สวัสดีครับ
“ชัยชนะ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ได้มาง่ายๆคุณต้องลงทุนลงแรงฝึกซ้อมเป็น วัน เดือน และเป็นปีถึงจะประสบความสำเร็จ”
Share :