ก่อนจะเป็น Noah SL
สิ่งแรกของ Ridley ตั้งเป้าไว้กับ Noah SL คือการเพิ่มประสิทธิภาพเฟรมให้เหนือชั้นในด้านเทคโนโลยี Aerodynamic ในฐานะผู้บุกเบิกจักรยาน road bike ทั้งนี้ Ridley ต้องการทำเฟรมเพื่อส่งเสริมศักยภาพสูงสุดของผู้ขับขี่ จึงออกแบบ Noah SL ให้มีท่อคอที่สามารถทำหน้าที่ร่วมกับตะเกียบผ่านระบบแอโร่ ซึ่งตะเกียบแบบ F-Split และพื้นผิวแบบ molded-in F-surfaces จะช่วยให้ระบบการหมุนเวียนอากาศเคลื่อนที่ได้อย่างราบเรียบสม่ำเสมอ อีกทั้งยังช่วยลดแรงลม ซึ่งจะทำให้นักปั่นขับเคลื่อนไปได้เร็วยิ่งขึ้น
การตั้งเป้าในส่วนที่สองของ Noah SL คือการออกแบบฟังก์ชั่น ตัวอย่างเช่น เราใช้ตัวเสริมแรง Dropout ที่ทำจากสแตนเลสซึ่งมีน้ำหนัก 15 กรัม เนื่องจากเราใส่ใจผลลัพธ์ด้านความปลอดภัยของผู้ขับขี่และการใช้งานของเฟรมที่ยาวนานมากกว่าเมื่อเทียบกับฟังก์ชั่นเรื่องการลดทอนน้ำหนักออก นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ brake spec ซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการตั้งจูนของช่างเทคนิค ซึ่งสามารถซัพพอร์ตความเร็วได้ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังสะดวกต่อการปรับเปลี่ยนด้วยตัวของนักปั่นเอง
หากมองอย่างละเอียดจะพบว่า Noah SL มีดีไซน์หลากหลายที่ใช้หลักการทางวิศวกรรม ตั้งแต่รูปทรง ตัวท่อ และ Cable routing ส่งผลให้ Noah SL มีพร้อมทั้งระบบ Aerodynamic และน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นับว่า Ridley Noah SL คืออีกหนึ่งทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่กำลังมองหาความรวดเร็วใหม่ๆ ที่ท้าทาย
- AERO INTEGRATED HEADTUBE AND FORK
Noah SL มาพร้อมตัวถัง และตะเกียบที่ถูกอินทิเกรตเข้าด้วยกัน ส่งผลให้ง่ายต่อการปรับระดับท่อคอ เมื่อถูกนำมาประกอบเข้ากับล้อแบบ wheel cut-outs ทั้งนี้ความต้องการของ Ridley คือการทำให้เฟรมสามารถอินทิเกรตร่วมกับ Accessories อื่นๆ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์โดยรวม และเพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่สวยงามและตอบสนองได้รวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- INTERNAL CABLE ROUTING
ภาพลักษณ์ที่ดูเรียบร้อย สะอาดตาจากการซ่อนสายต่างๆ เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำหรับตัวจักรยานเสือภูเขา ซึ่งสามารถป้องกันเหงื่อ สิ่งสกปรกจากถนนไม่ให้เข้าสู่สายเคเบิลสายได้ในขณะขับขี่ ภายใน Internal cables ถูดออกแบบมาเพื่อการใช้งานและบำรุงรักษาได้ง่าย โดยอาศัยการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแอโร่ ของ Ridley นอกจากนี้สาย smart cableguide ยังใช้ได้ทั้งกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ และธรรมดาอีกด้วย
- CARBON LAY-UP
-การเรียงชั้นคาร์บอนไฟเบอร์เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญสำหรับเฟรม เพราะแต่ละส่วนต้องการความหนา บางที่ต่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้การขับขี่เกิดความสมบูรณ์แบบ Ridley จึงเลือกใช้คาร์บอนไฟเบอร์ที่ขนาดน้ำหนัก 60, 40 และ 30 ตัน ในเรซินนาโนเทคโนโลยีสำหรับเฟรม และใช้ไฟเบอร์ 40, 30 และ 24 ตัน ในตะเกียบ
- วิธีการเรียงชั้นคาร์บอนแบบใหม่นี้ ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง คงทน และกำลังรับแรงบิดตัวระหว่างชั้น ซึ่งนี่เป็นจุดแข็งที่ทำให้ Ridley สามารถลดน้ำหนักของ Frame ลงได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ Noah SL ยังใช้วิธีการสร้างแบบจำลอง แบบ FEA สำหรับการทดสอบรายละเอียดสมรรถนะการทำงานของแต่ละท่อ ไปจนถึงการส่งกำลังเพื่อทำให้เกิดความสบายในขณะขับขี่ และในส่วนหนึ่งของการผลิต, Ridley ได้ใส่ถุงลมไว้ภายในท่อที่สามารถถอดออกได้ ในระหว่างการสร้างตัวท่อ ซึ่งช่วยควบคุมความแม่นยำของพื้นผิวด้านใน และยังทำให้ได้ผนังของท่อที่บางมากขึ้น โดยไม่สูญเสียสมรรถนะการใช้งานไปเลยแม้แต่น้อย
- CHAINSTAY DESIGN
การออกแบบ chainstay แบบอสมมาตรช่วยให้ประสิทธิภาพในการ Sprint และ การเบรกมีกำลังมากขึ้น ทั้งนี้การ lay-ups ของ chainstays ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ Ridley ยังช่วยให้นักปั่นมั่นใจได้ถึงการส่งแรงกดได้อย่างเต็มเหนี่ยว โดยไม่ต้องกังวลว่าจะสูญเสียกำลังไปกับการโยกของ Chainstay ที่ล้อหลัง
- SEATSTAY DESIGN
seatstay ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักปั่นมากขึ้น โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานทั้งนี้หางหลังบนที่ถูกปรับระดับลดลงมาสามารถทำให้ Ridley สามารถบรรลุเป้าหมายได้ถึง 2 อย่าง
1.สามเหลี่ยมบริเวณด้านหลัง (หางหลังล่าง) ที่มีขนาดเล็กนั้น ไม่ส่งผลด้านลบต่อการสูญเสียความ stiffness ด้านข้าง และยังช่วยให้นักปั่นสามารถขับขี่ได้อย่างสบายมากที่สุด
2. หางหลังที่ลดระดับลง ยังช่วยให้อากาศรอบๆ ท่อนั่ง และรอยต่อท่อบน ไหลเวียนได้อย่างราบเรียบ อีกทั้งยังช่วยลดแรงเสียดทานลม ทำให้จักรยานเคลื่อนที่ไปได้เร็วมากขึ้น
- F-SPLIT FORK TECHNOLOGY
เทคโนโลยี Split Fork ของ Ridley ยังคงเป็นสิ่งที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ สำหรับการออกแบบตะเกียบแบบ double-fork ถูกนำหลักการไล่อากาศออกจากล้อหน้ามาใช้ นับเป็นวิธีการออกแบบที่ชาญฉลาด เพราะสามารถลดแรงเสียดทานลมบนตัวถังจักรยานได้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ก็คือการปิดกั้นไม่ให้อากาศสามารถไหลผ่านซี่ลวดที่อยู่ใกล้กับส่วนบนสุดของล้อ ทำให้ลดแรงลมไม่ให้เข้าไปตัดกับซี่ลวด ส่งผลให้ล้อหมุนเร็วขึ้น จากการทดสอบพบว่าเทคโนโลยีนี้สามารถลดแรงเสียดทานชองลมได้มากถึง 8%
- INMOLD F-SURFACE+ TECHNOLOGY
Noah SL แหวกแนวคิดใหม่โดยใช้เทคโนโลยี molded-in F-Surface+ เพราะถึงแม้เฟรมจะมีรูปทรงแอโร่ที่สมบูรณ์แบบมากแค่ไหน แต่ก็ยังหนีไม่พ้นลมปะทะด้านข้างซึ่งเป็นทิศทางลมที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เทคโนโลยีตะเกียบ F-Surface+ ของ Noah SL จึงสร้างพื้นผิวมันเรียบและเจาะช่องไว้ระหว่างตะเกียบ เพื่อให้อากาศไหลผ่านได้อย่างสะดวก ทำให้เฟรมไม่เกิดการต้านลม และยังช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดลมหมุนในวงแคบใต้เฟรม
- DESIGN DECISIONS: BRAKE SPEC
แนวทางในการเลือก Spec เบรกของ Ridley เพื่อใช้ในเฟรม Noah SL ยังคงยึดหลักการที่คลาสสิกดั่งเดิม ในขณะที่บาง บริษัทยังคงใช้เบรกหลังแบบยึดติดกับกะโหลก (BB shell) แต่ Ridley เลือกที่จะใช้เบรกแบบติดตั้งในตำแหน่งเดิม ซึ่งอยู่เหนือล้อบน seatstays เพราะเป็นสิ่งที่ง่ายและสะดวกต่อการติดตั้ง, การปรับจูน และทำการเซอร์วิส จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจักรยาน Ridley ที่ทีม Lotto-Belisol ได้เคยใช้ในการแข่งขัน Grand Tours จึงเลือกติดตั้งเบรกแบบดั่งเดิม นั่นเป็นเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทีมช่างจะต้อง Service เบรกทุกการใช้งาน 60 กิโลเมตร ถ้าหากติดตั้งเบรกไว้กับกะโหลก
- DESIGN DECISIONS: TUBE SHAPE
รายละเอียดรูปทรงของท่อ เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ทาง Aerodynamic (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกจับคู่กับตะเกียบแบบ F-Surface+ )โดยไม่จำเป็นต้องลดทอนน้ำหนัก หรือความลงตัวลง ทั้งนี้ รูปทรงของท่อยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการลดแรงเสียดทานของลมในทุกมุมที่เกิดการหักเหและทั้งหมดที่กล่าวไปนี้เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการวิเคราะห์ ทางโปรแกรม CFD และทดสอบอุโมงลมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าท่อทรง F และเทคโนโลยี inmold f-surface+ สามารถลดแรงเสียดทานลมลงโดยเฉลี่ย 7%
- PRESSFIT 30 BOTTOM BRACKET
Noah SL ใช้กะโหลกระบบ PressFit 30 ที่ตอบสนองความทนต่อแรงบิดตัว (stiffness) และยังมีน้ำหนักเบา นอกจากนี้ยังช่วยให้การใช้ชุดขาจานแบบ Q-Factorได้ต่ำสุด ซึ่งจะช่วยให้นักปั่นสามารถส่งกำลังแรงกดได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเปลือกกะโหลก บนเฟรมของ Noah SL จะมีลักษณะกลวงเพื่อให้แตะระดับน้ำหนักที่เบาสุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- TAPERED HEADTUBE
Ridley คือผู้บุกเบิกการออกแบบท่อคอแบบ tapered บนเฟรมคาร์บอนสำหรับ Road Race เพราะตะเกียบแบบ Tapered สามารถเพิ่มแรง Stiff และการความคุมรถได้อย่างเฉียบขาดมากกว่า ซึ่งเป็นเบื้องหลังแห่งความสำเร็จของ Robby McEwen และนักแข่งในทีม Lotto ที่เคยคว้าชัยชนะหลายสเตจในรายการ Tour De France ซึ่งพวกเขา ใช้เฟรม Ridley ที่ประกอบท่อคอแบบ tapered และแน่นอนว่า Noah SL นี้ก็มาพร้อมท่อคอ tapered ที่มีขนาดด้านบน 1-1/8 " และด้านล่าง 1-1/2" ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับประสิทธิภาพการบังคับเลี้ยวที่เฉียบคม
- CARBON DROP-OUTS
การเสริมสแตนเลส หุ้มบน dropouts คาร์บอน ของ Noah SL เป็นการเพิ่มความทนทาน และยืดอายุการใช้งานของเฟรมให้ยาวนานขึ้นจากแรงที่เกิดจากการยึดและการถอดเปลี่ยนล้อบ่อยๆ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นสามารถสร้างผลกระทบต่อ dropouts คาร์บอนได้ ดังนั้นการเสริมสแตนเลส (ที่มีน้ำหนักเพียง 15 กรัมนี้) จะช่วยปกป้องเฟรมจากความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
- WHEEL & TIRE CLEARANCE
Noah SL ถูกออกแบบให้ใช้ได้กับขอบล้อแอโร่ที่มีความกว้างขึ้น โดยสามารถรองรับล้อและยางที่ขนาด 25mm ซึ่งยึดเกาะได้ดีและสะดวกสบายมากกว่าขอบแคบ
- WEIGHT
3.1. น้ำหนักตัวถัง
*น้ำหนักตัวถัง(ไม่ทำสี) +- 10%
3.2. น้ำหนักตะเกียบ (ไม่ทำสี) ประมาณ 440 กรัม +- 10%
- GEOMETRY